มูลนิธิเพื่อนหญิง

มูลนิธิเพื่อนหญิง

“มูลนิธิเพื่อนหญิง” มีบทบาทอย่างมากในประเทศไทย ถือเป็นตัวแทนของผู้หญิงไทยทั้งประเทศ คอยออกหน้าเพื่อรักษาผลประโยชน์แก่สตรี ตามจุดประสงค์หลักที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยปกป้องสิทธิของสตรีที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภายในครอบครัว การถูกคุกคามทางเพศ ที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ โดยมีแนวคิดหนึ่งเดียวที่ว่า ผู้หญิง – ชาย ล้วนมีความเสมอภาคเท่ากัน ควรจะต้องปฏิบัติต่อกันอย่างเสมอภาคไม่ว่าจะเป็นในเรื่องกฎหมาย โดยไม่คำนึงถึงเพศ เชื้อชาติ ศาสนา ตามด้านกฎหมายสิทธิมนุษย์ชนสากลอันเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก

นอกจากนี้มูลนิธิเพื่อนหญิงยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการปราบปลามการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย โดยเป็นตัวแทนที่คอยจับตาดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมถึงเร่งให้ดำเนินการ สำหรับคนที่มีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี โดยทางมูลนิธิจะให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งทนายความ, นักสังคมสงเคราะห์, โครงการฟื้นฟูร่างกายจิตใจ เบอร์โทรศัพท์ 0-2513-1001 ปัจจุบันนี้มีศูนย์ใหญ่ทั้งหมด 4 แห่ง กระจายอยู่ทั่ว 3 ภาคได้แก่ “ภาคใต้” อยู่ที่ จังหวัดสงขลา, จังหวัดปัตตานี “ศูนย์ภาคเหนือ” อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ “ศูนย์ภาคอีสาน” อยู่ที่จังหวัดมุกดาหาร, จังหวัดอุบลราชธานี

เป็นตัวแทนสำคัญของผู้หญิงทุกคน

เนื่องจากผู้หญิงเป็นเพศที่ถูกคุกคามได้ง่าย และไม่อาจขัดขืนได้เพราะร่างกายที่ด้อยกว่า จึงเกิดเป็นข่าวคุกคามทางเพศอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะกับเด็กผู้หญิงอายุไม่เกิน 18 ปี อย่างเช่นคดีของ “น้องเพลง” เด็กหญิงวัย 12 ปี ที่ถูกเพื่อนบ้านข่มขืนจนเสียชีวิตในระหว่างเดินทางกลับบ้านเพียงลำพัง จนกลายเป็นข่าวช็อกประเทศ ส่วนในอีกคดีหนึ่งก็ไม่แพ้กันกับคดี “น้องแก้ม” ที่เพิ่งจะเกิดไปเมื่อไม่นานมานี้ เหตุเกิดขึ้นเมื่อน้องแก้มโดนข่มขืน และโยนร่างของน้องออกจากรถไฟโดยฝีมือเจ้าหน้าที่ของทางการรถไฟ มีประชาชนส่วนมากต่างเรียกร้องให้นำผู้กระทำไปประหารชีวิต ในขณะที่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย

เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ประเทศไทยต้องตระหนักถึงเรื่องกฎหมายที่ลงโทษกลุ่มคนเหล่านี้มันเบาไปหรือไม่ ทำไมถึงกล้ากระทำความผิดกับเด็กได้ขนาดนี้ ซึ่งทางมูลนิธิเพื่อนหญิงก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างได้ เพาะได้ยื่นมือเข้าไปช่วยกดดันให้มีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับเหยื่อ และนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการลงโทษให้เร็วที่สุด โดยในสาระสำคัญที่ได้ขอความร่วมมือกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็คือ “คดีข่มขืนและรุมโทรม” จะไม่มีการยอมความอย่างเด็ดขาด รวมถึงต้องมีการจัดตั้งเจ้าหน้าที่สอบส่วนพิเศษขึ้นมาเฉพาะเพื่อดูแลเรื่องคดีเด็กและสตรี